จากสถานีรถราง Matsuyama-machi เดินขึ้นเนินไปก็ถึงบริเวณสวนสันติภาพนางาซากิ มีน้ำพุแห่งสันติภาพอยู่ตรงทางเข้า สร้างขึ้นเพื่อรำลึกเหยื่อระเบิดปรมาณูที่กระหายน้ำจนเสียชีวิต มองเห็นอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่าน เป็นรูปปั้นผู้ชาย มือขวาชี้ขึ้นไปบนฟ้า สื่อถึงการเตือนให้เห็นภัยคุกคามจากระเบิดปรมาณู แขนข้างซ้ายขนานไปตามแนวราบ อันสื่อความหมายถึงความปรารถนาในสันติภาพของชาวโลก
ภายในสวนมีงานปฏิมากรรมสื่อความหมายถึงการขอสันติภาพแก่โลก ตั้งอยู่หลายแบบ ทั้งแม่ที่กำลังอุ้มลูกน้อย รูปปั้นเด็กชายเด็กหญิง รูปการประสานมือกันของชาวโลก ทุกรูปมีนกพิราบสัญลักษณ์ของสันติภาพปรากฏอยู่ด้วย
แม้ตำนานของเด็กหญิงซาดาโกะ จะไม่เกิดขึ้นที่นี่ แต่ก็ยังมีพวงนกกระเรียนสองพันตัวนำมาแขวนไว้อาลัยเพื่อรำลึกถึงเธอและผู้เสียชีวิตจากระเบิดปรมาณูทั้งสองลูกในครั้งนั้น
สวนสันติภาพแห่งนี้สร้างทับตำแหน่งที่เคยเป็นคุกเก่า ทุกวันนี้ยังมีร่องรอยของกำแพงให้เห็นอยู่ ยังมีผู้คนนำดอกไม้ไปวางเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้คุมและนักโทษที่ล้วนเสียชีวิตในคราวนั้น ซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์กลางที่ระบิดปรมาณูตกลงเพียงไม่กี่ร้อยเมตร เช่นเดียวกับบาทหลวงและชาวคริสต์ที่กำลังสวดมนต์อยู่ใน “โบสถ์อุราคามิ”(Urakami Cathedral Cherch) ซึ่งโดนระเบิดเข้าไปเต็ม ๆ ความจริงนักบินตั้งใจจะทิ้งระเบิดลงที่อู่ต่อเรือของบริษัทมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อันดัสตรี บริเวณท่าเรือนางาซากิฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นอู่ต่อเรือที่ทันสมัยที่สุดของญี่ปุ่นในขณะนั้น แต่ทัศนวิสัยไม่ดี ระเบิดจึงพลาดเป้าตกลงมาข้างโบสถ์แห่งนี้ซึ่งอยู่ห่างออกนอกเมืองมาราว 2 กิโลเมตร แต่กระนั้นตัวเลขของผู้เสียชีวิตก็สูงถึง 70,000 คน บาดเจ็บอีก70,000 คน เพราะระเบิดปรมาณูลูกที่ 2 ซึ่งใช้แร่พลูโตเนียม นั้นมีอานุภาพร้ายแรงกว่าระเบิดที่ใช้ถล่มฮิโรชิม่าถึง 2 เท่า
การเดินทางไปสวนสันติภาพและโบสถ์อุราคามิ
-นั่งรถรางสาย 1 หรือ 3 ไปลงที่สถานี Matsuyama-machi จากสวนสันติภาพสามารถเดินไปถึงโบสถ์อุราคามิได้